Being Liverpool



Being Liverpool (2012) เป็นภาพยนตร์สารคดีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ สโมสรฟุตบอล ลิเวอร์พูล ออกอากาศทาง Fox Soccer ในประเทศสหรัฐอเมริกา และช่อง 5 ในสหราชอาณาจักร เป็นการติดตาม และเผยเบื้องหลังของทีมตั้งแต่ช่วงพรีซีซั่นที่อเมริกาเหนือ เดือนกรฎาคม 2012 และช่วงต้นของฤดูกาล 2012/2013

ปัจจุบันออกอากาศไปทั้งหมด 6 Episode และ 1 Special Episode



ด้วยส่วนตัวผมเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล ติดตามความเคลื่อนไหวของสโมสร ร่วมถึงการเล่นเกมอย่าง Football Manager ที่มีรายละเอียดของทีม และผู้เล่นในทีม

การชมรายการนี้ ทำให้ผมเห็นวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร  การทำงานของผู้จัดการทีม ชีวิตนอกสนามของนักเตะที่ผมชื่นชอบ

เพื่อนๆ ผมหลายคนเป็นแฟนลิเวอร์พูลเช่นกัน แต่ดูรายการนี้ไม่สนุกนัก เพราะไม่เก่งภาษาอังกฤษ และยิ่งภาษาอังกฤษของ Gerrard หรือโดยเฉพาะ Carragher พูดอะไรก็ไม่รู้ สำเนียงฟังยากมาก ฟังนักเตะชาวสเปนพูดอังกฤษยังง่ายกว่า



ผมจึงได้เริ่มทำซับไตเติลภาษาไทยมาแจกจ่ายไปตาม Pantip หรือเว็บบอร์ดบ้าง

แต่เพราะช่วงแรกผมแถมไฟล์ VDO แบบ HD 720p ไปด้วย ไฟล์ผมจึงโดนลบอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงแอคเคาท์ของผมด้วย - -"

แต่ไฟล์ Subtitle สามารถดูได้กับไฟล์รายการแบบ HD แทบทุกอัน ไม่ว่าใครจะหาโหลดมาจากไหน

จึงขอแจกแต่ไฟล์ Subtitle แล้วกันนะครับ


** ตอนนี้ยังหาที่ฝากไฟล์ไม่ได้ รอก่อนนะครับ **

POSTED BY Unknown
POSTED IN
DISCUSSION 0 Comments

Trivia - Chuck

ไหนๆ ก็ทำ Trivia ของ Big Bang ไปแล้ว ... ก็ทำ Chuck ซะด้วย จะได้ครบๆ


ก็อ่านเพลินๆ ไปล่ะกันนะฮะ




1. ซีรีย์เรื่องนี้มีการอ้างอิงจากภาพยนตร์เรื่อง Spies Like Us เช่น

อุปกรณ์ดักฟัง GLG-20 เป็นอุปกรณ์ที่สร้างสำหรับสายลับในภาพยนตร์ Spies Like Us และซีรีย์เรื่องนี้ก็ใช้ชื่อเดียวกัน

เอมเมทท์ มิลบาร์จ (Emmett Millbarge) ตั้งชื่อตามตัวละครหลักสองตัวในภาพยนตร์คือ เอมเมทท์ ฟิตซ์ฮิวม์ (Emmett Fitzhume) แสดงโดย เชวีย์ เชส (Chevy Chase) นามสกุลจาก อัสติน มิลบาร์จ (Austin Millbarge) แสดงโดย แดน แอครอยด์ (Dan Aykroyd)

เอมเมทท์ มิลบาร์จ คือผู้ช่วยผู้จัดการร้านที่น่าหมั่นไส้หน่อยๆ นึกออกมั้ยฮะ ... ถ้านึกไม่ออก ดูภาพ :)



เชวีย์ เชส ได้มาร่วมแสดงในซีรีย์เรื่องนี้ด้วย

ระหว่างที่ชัค และซาร่าห์ กำลังดูทีวี ภาพยนตร์เรื่อง Spies Like Us  ฉาย ซาร่าห์พูดขึ้นมาด้วยอาการเบื่อหน่ายว่า "อีกแล้วเหรอ"


2. นาตาลี มาร์ติเนซ (Natalie Martinez) ได้มาร่วมแสดงในตอนแรกของซีรีย์ ในตัวละครที่ชื่อว่า เคย์ล่า ฮาร์ท (Kayla Hart) ที่จะถูกใส่ให้มาเป็นคู่รักของชัค แต่ก่อนที่จะเริ่มถ่ายเพียงไม่กี่วัน ตัวละครของเธอก็ถูกตัดออกไป

ถึงขนาดช่วงโปรโมตซีรีย์ ยังมีชื่อเธออยู่เลย ... 




3. ชัค ในซีรีย์มักจะใส่รองเท้า คอนเวิร์ส (Converse) รุ่น ชัค เทย์เลอร์ (Chuck Taylors) สีดำ เพราะชื่อเล่นของรองเท้ารุ่นนี้คือ "Chucks"

ถ้าเป็นในไทยส่วนใหญ่มักจะเรียกเป็น ออลสตาร์ (All Stars) กันหมด - -"


4. ชัค ชอบใช้ชื่อสายลับว่า "ชาร์ล คาร์ไมเคิล (Charles Carmichael)" อาจจะอ้างอิงมาจากนักร้อง นักดนตรี และนักแสดง โฮกี้ คาร์ไมเคิล (Hoagy Carmichael) เพราะเอียน เฟลมมิง (Ian Fleming) ผู้ประพันธ์เรื่อง เจมส์ บอนด์ (James Bond) ได้บรรยายเอาไว้ในหนังสือบ่อยๆ ว่า เจมส์ บอนด์ นั้น เหมือน โฮกี้ คาร์ไมเคิล


5. วิค ซาเฮย์ (Vik Sahay) ในตอนแรกเข้ามาออดิชั่นในบทของ มอร์แกน ก่อนจะไม่ผ่านและทางผู้สร้างเสนอบทของ เลสเตอร์ ให้แทน หลังจากนั้น บทของเลสเตอร์จึงได้รับการพัฒนาให้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น

นึกหน้าวิคมาเป็น มอร์แกนไม่ออกจริงๆ แฮะ


6. ในขณะที่ Buy More ขายเครื่องใช้อิเลคทรอนิกส์ต่างๆ ที่ทันสมัยที่สุด แต่โทรทัศน์ในห้องยุทธการกลับเป็น โทรทัศน์ ยี่ห้อ ฮิตาชิ รุ่นปี 1985

7. ชัค มีชื่อเต็มว่า ชาร์ล เออร์วิง บาร์ทาวสกี้ (Charles Irving Bartowski)

8. หลังจากร่วมแสดงเป็นเวลากว่า 3 ซีซั่น บทของ นายพลเบคแมน (General Beckman) แสดงโดย โบนิต้า ฟรีเดริซี (Bonita Friedericy) แต่เพิ่งจะมาเป็นนักแสดงหลักในซีซั่นที่ 4 นี่เอง

จริงๆ ก็สำคัญตั้งแต่ซีซั่นแรกๆ แล้วนะ ... ไม่รอให้จบไปก่อนซัก 4-5 ปีไปเลยล่ะ !!




หมดแล้วฮะ ... หวังว่ารู้แล้วจะดูซีรีย์เรื่องนี้ได้สนุกขึ้นนะครับ :)



และขอขอบคุณข้อมูล จาก http://www.imdb.com นะฮะ

POSTED BY Unknown
POSTED IN
DISCUSSION 0 Comments

Trivia - The Big Bang Theory (ตอนที่ 2)

มาต่อกันเลยจาก Blog ที่แล้ว

ใครยังไม่ได้อ่าน ก็เข้าไปนะ
http://alankuyy.blogspot.com/2012/01/trivia-big-bang-theory-1.html

11. เนื่องจากบุคลิกของตัวละคร เชลดอน ในซิทคอมคล้ายๆ ผู้มีอาการออทิสติก ทำให้ผู้ชมและสื่อต่างๆ อยากทราบที่มาที่ไป แต่หลายๆ ครั้งทีมงานจะเลี่ยงตอบคำถามนี้

ออทิสติกในความหมายนี้น่าจะคล้ายกับ อัลเบิร์ท ไอน์สไตน์ คือแค่มีอาการบางอย่างเช่น การเข้าสังคม ความเข้าใจในเรื่องมนุษยสัมพันธ์ ต่างๆ ... เริ่มมาก็ซีเรียสเลย - -"


แต่เนื่องจากเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน จึงเลี่ยงไว้เป็นดี :)


12. .ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ปี 2010 เคลีย์ คูโค ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ระหว่างถ่ายซิทคอมเรื่องนี้ ได้คบหากันกับเพื่อนร่วมงานคือ จอห์นนี กาเลคกี เป็นเวลากว่า 2 ปี แต่ในปัจจุบันได้เลิกกันแล้ว

แอบคบกัน ตลอดเวลาที่แสดงด้วยกัน แล้วก็มาเลิกกัน แต่ยังต้องแสดงร่วมกัน ... awkward!




13. ระหว่างการถ่ายทำ ผู้ชมในสตูดิโอนั้นเป็น นักศึกษา จาก California Institute of Technology


14. ในจำนวนนักแสดงทั้งหมด มีเพียง เมยิม เบียลิค (Mayim Bialik) ที่เล่นเป็น เอมี ฟารา ฟาวเลอร์ ที่จบปริญญาเอก และเป็น ดร. ในสาขาประสาทวิทยา จริงๆ


15. ตัวละคร ฮาวเวิร์ด โวโลวิทซ์ (Howard Wolowitz) ก็ถูกตั้งชื่อตามเพื่อนของโปรดิวเซอร์ในสมัยทำงานอยู่บริษัทคอมพิวเตอร์

คนเดียวกันกับที่เอามาเป็นคาแรคเตอร์ของราจ ... ที่พูดกับผู้หญิงไม่ได้เวลาเมารึเปล่านะ - -"

16. เกือบตลอดเวลาในซิทคอม ที่แว่นตาของ เลนเนิร์ด ไม่มีเลนส์

ทำให้อยากรีบกลับไปเช็คเลย!!! ใครเจอบอกด้วยนะ 


17. ในซีซั่นแรก ตอนที่ 13 The Bat Jar Conjecture ราจ พูดตลกเกี่ยวกับการนำนักแสดง เมยิม เบียลิค (Mayim Bialik) มาร่วมทีมแข่งขันฟิสิกส์ โบว์ล เพราะได้ยินว่าเธอเพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาประสาทวิทยา ... ไม่กี่ปีหลังจากนั้นในซีซั่นที่ 4 เมยิม เบียลิค ก็เข้ามาร่วมแสดงในบทของนักประสาทวิทยา เอมี ฟารา ฟาวเลอร์ (Amy Farrah Fowler)

ราจ นี่ปากพิกุลจริงๆ ... สั่งได้เลย :)


18. เคลีย์ คูโค (Kaley Cuoco) ไม่ได้ร่วมแสดงหลายตอนในซีซั่น 4 เนื่องจากขาหัก เพราะตกจากหลังม้า


19. แบร์รี่ คริปกี้ (Barry Kripke) แสดงโดย จอห์น รอส โบวี่ (John Ross Bowie) มีวิธีการพูดและออกเสียงแบบเดียวกับตัวการ์ตูน เอลเมอร์ ฟัดด์ ทุกประการ

ถึงว่า เวลาฟังมันพูดแล้วคุ้นๆ อย่างบอกไม่ถูก!!


ยกตัวอย่าง เช่น Rabbit จะออกเสียงว่า Waab-bit








จบแล้วสำหรับ Trivia 2 ตอน ของ The Big Bang Theory 


ขอให้ดูซิทคอมเรื่องนี้ สนุกขึ้นนะครับ :)


ช่วงนี้ยังไม่ค่อยว่าง ก็หากินกับซิทคอม ซีรียส์ ไปก่อน ... ฮา


และขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.imdb.com ครับ



POSTED BY Unknown
POSTED IN
DISCUSSION 1 Comment

Trivia - The Big Bang Theory (ตอนที่ 1)

เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย จาก Sit Com เรื่อง The Big Bang Theory


รู้ก็ได้ ไม่รู้ก็ได้ อ่านเอาเพลินๆ นะจ้ะ :)


1. ตัวละครหลักทั้งสองคน (เชลดอน คูเปอร์ และ เลนเนิร์ด ฮอฟสแทดเตอร์) ตั้งชื่อตาม อดีตนักแสดง ผู้กำกับ และโปรดิวเซอร์ ชื่อดัง เชลดอน เลนเนิร์ด (Sheldon Leonard 1907-1997)

วิธีแบบนี้ ในวงการบันเทิง ภาพยนตร์ โทรทัศน์ แม้กระทั่งเกมส์ต่างๆ ก็นำมาใช้ ... เหมือนเป็นการเคารพครูอย่างนึง ... ซึ่งจริงๆ เป็นเรื่องสนุกมาก ไว้จะมาเขียนละกัน (ถ้าว่างนะฮะ)


2. ตัวละคร เพนนี ในตอนเริ่มร่างบทละคร จะมีชื่อว่า เคธี นิสัยเสีย ติดเหล้า ปากจัด และทำงานในร้านเสริมสวย โดยนักแสดงที่ถูกวางเอาไว้ในตอนแรก คือ อแมนด้า วอล์ซ (Amanda Walsh)

เรียกว่าจะให้มา contrast กันเต็มที่เลยสินะ ... แต่อแมนด้า ก็ดูเหมาะกับบทดีเชียวล่ะ



3. ตัวละคร ราจ ที่ไม่สามารถพูดกับผู้หญิงได้ ถ้าไม่เมา หรือดื่มแอลกอฮอล์ นั้นสร้างมาจากบุคลิกของเพื่อนร่วมงานเก่า ของบิล เพรดี้ (Bill Prady, Executive Producer) สมัยทำงานอยู่บริษัทคอมพิวเตอร์

ให้ตายเถอะ มีคนแบบนี้จริงๆ เรอะ!!!

4. นามสกุลของ เลนเนิร์ด "ฮอฟสแทดเตอร์ (Hofstadter)" มีที่มาจากนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง โรเบิร์ต ฮอฟสแทดเตอร์ ผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ และลูกชายของเขา ดักลาส ฮอฟสแทดเตอร์ ผู้ชนะรางวัลพูลิตเซอร์ สาขานวนิยาย

นั้นอาจจะเป็นที่มาของบุคลิก เลนเนิร์ด ที่เป็นส่วนผสมของวิทยาศาสตร์และการบันเทิง คล้ายๆ ภาพยนตร์ไซไฟทั้งหลาย ที่นำวิทยาศาสตร์มาเป็นส่วนผสมในภาพยนตร์



5.ซาร่า กิลเบิร์ต (Sara Gilbert) นักแสดงที่เล่นเป็น เลสลีย์ (Leslie) ซึ่งในบทคือแฟนเก่าของเลนเนิร์ด ที่แสดงโดย จอห์นนี กาเลคกี (Johnny Galecki) ก็เคยเล่นเป็นแฟนกันใน Serie เรื่อง Roseanne และ ลอว์รีย์ เมทคาล์ฟ (Laurie Metcalf) ผู้แสดงเป็นแม่ของเชลดอน ก็เคยแสดงด้วยเช่นกัน

พรหมลิขิตรึเปล่าเนี่ย!! - -"


6. ชื่อของซิทคอมเรื่องนี้ในตอนแรก มีชื่อว่า "Lenny, Penny, and Kenny."

7. เพนนี เป็นตัวละครตัวเดียวของเรื่อง ที่ยังไม่เปิดเผยนามสกุล

8. เชลดอน เกิดและโตในเท็กซัส เช่นเดียวกันกับ จิม พาร์สัน (Jim Parsons)
    นักแสดงที่เล่นเป็นเชลดอน

9. ชื่อของตอนทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับคำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ และร่วมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    ในตอนนั้นๆ

10. เชลดอน มักจะใส่เสื้อที่มีลายจากการ์ตูนที่ชอบ เช่น กรีนแลนเทิร์น แฟลช ซูเปอร์แมน แบทแมน ซึ่งมีความหมายของสีที่เชลดอนกำหนดเพิ่มเข้าไปเองด้วย คือ

สีแดง = โกรธ
สีส้ม = ความโลภ, กระหาย
สีเหลือง = กลัว
สีเขียว = ความกล้าหาญ
สีฟ้า = ความหวัง
สีน้ำเงินคราม = ความเมตตา
และสีม่วง = ความรัก

ซึ่งถ้าสังเกตุดีๆ สีของเสื้อที่เชลดอนใส่ จะบ่งบอกอารมณ์และความรู้สึกในช่วงนั้นๆ


Trivia มีเยอะมาก คงต้องขอเอาไปเขียนแยกอีกอันล่ะกันนะ

หวังว่าคงดูซิทคอมสนุกขึ้นนะฮะ


ปล.ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.imdb.com


POSTED BY Unknown
POSTED IN
DISCUSSION 0 Comments

Chuck - สายลับสมองล้น



     Chuck ชัค สายลับสมองล้น เป็น Series สัญชาติอเมริกัน เริ่มฉายในปี 2007 ในปัจจุบันมี 5 ซีซั่น และจะเป็นซีซั่นสุดท้ายของซีรียส์เรื่องนี้ (น่าเสียดาย)




     เรื่องราวของชัค บาร์ทาวสกี้ หนุ่มเนิร์ดนักซ่อมคอมพิวเตอร์ในหน่วย Nerd Herd ของห้าง Buy More สาขาเบอร์แบงก์ แคลิฟอร์เนีย (เป็นการล้อเลียนห้าง Best Buy)



     ชัค อาศัยอยู่กับพี่สาว เอลลีนอร์ (เอลลี่) และแฟนของพี่สาว เดว่อน (Mr.Awesome คือแมร่งเก่งไปหมด หล่อ หุ่นดี ฉลาด ออว์ซั่มจริงๆ ให้ตายเถอะ)



    มีเพื่อนสนิทประหนึ่งครอบครัว คือ มอร์แกน ไอ้หนวดเนิร์ดน่ารำคาญ แต่ก็เป็นเพื่อนที่พึ่งพาได้เวลาที่ต้องการ แม้เวลาที่ไม่ต้องการจะเยอะกว่าก็ตามที



    ที่ทำงานยังมีทั้ง บิ๊กไมค์ หัวหน้าสุดเฮี๊ยบร่างบิ๊ก, สองคู่ซี้น่าขยะแขยง เจฟฟ์กับเลสเตอร์, สาวเอเชียกอธิก แอนนา วู



    เรื่องราวมันเริ่มขึ้นเมื่อ ไบรซ์ ลาร์กิ้น เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของชัค (ซึ่งในปัจจุบันสุดจะเกลียดเพราะแย่งแฟนของชัคสมัยเรียนไป) จริงๆ แล้วเป็นสายลับของ CIA ตั้งแต่สมัยเรียน ได้ไปขโมย Intersect สุดยอดคอมพิวเตอร์ที่บันทึกข้อมูลแลกเปลี่ยนทุกอย่างของราชการต่างๆ และส่งให้ชัค ทำให้เขากลายเป็น มนุษย์อินเตอร์เซ็ค สุดยอดสมองคอมพิวเตอร์



     ทำให้ทาง CIA และ NSA ต้องส่งสุดยอดมือดีมาคุ้มครองชัค นั่นคือ ซาราห์ สายลับสาวสุดฮ็อต (มาก) และ เคซีย์ สุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธและยุทธการ (ที่แค่คำรามก็ฮาแล้ว :D)

   
     *ข้อความต่อไปนี้อาจมี spoil*

      หลังจากที่ได้ดูไปทั้งสิ้น 4 ซีซั่นด้วยกัน (รวดเดียว) ผมรู้สึกได้เลยว่าในซีซั่นหนึ่งและสอง โคตรมัน สนุกมาก น่าติดตาม โดยเฉพาะซีซั่นสอง ที่ดูจบตอน ก็อยากจะดูตอนต่อไปทันที มันอยากรู้ อยากดูต่อ



     แต่พอเข้าซีซั่นสาม ความสนุกหายไปกว่าครึ่ง เนื้อเรื่องน่าเบื่อ ไม่ชวนติดตาม ความน่ารำคาญของเจฟฟ์กับเลสเตอร์ ที่มากเกินพอดี (ช่วงท้ายซีซั่นเลยโดนตัดออกไปเยอะเหมือนกัน) แต่เนื้อเรื่องหลักยังโอเค และดูน่าติดตามอยู่บ้าง ... ที่ซีรียส์เรื่องนี้โดนตัดให้เหลือแค่ 5 ซีซั่น คงเป็นผลพลอยได้มาจากซีซั่น 3 นี่แหละ ที่ติดตัวแดง เกือบถูกตัดจบไปแล้ว



     พอมาซีซั่นที่ 4 ปรับปรุงดีขึ้น กลับมาสนุกและน่าติดตาม (แต่ไม่เท่าซีซั่นสอง) แต่ความสนุกก็ลดน้อยลงไป เนื่องจากพอ ชัค อัพเกรดเป็น 2.0 ก็เก่งพอจะที่เอาตัวรอดเองได้ โดยไม่ต้องอาศัยซาราห์ หรือเคซี่ย์ อีก ความตลกก็ลดลงไป (ยิ่งในซีซั่น 3 นี่เน้นไปทางดราม่าเลย) เจฟฟ์กับเลสเตอร์ที่เคยน่ารำคาญ ก็มีการสร้างสถานการณ์ให้คนชอบทั้งสองคนมากขึ้น (ผมก็ยังเกลียดมันทั้งคู่อยู่ดี - -")



    ถึงจะดึงเรตติ้งกลับมาได้ไม่มากนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ถูกให้ตัดจบที่ซีซั่น 5 น่าเสียดาย เพราะตอนนี้ความสนุกของผมคือเวลาได้เห็นความสนิทสนมของกลุ่มนักแสดงที่ทำงานด้วยกันมานาน

    และในอนาคตอันใกล้ ผมก็ยังไม่เห็น Series เรื่องไหน น่าติดตามมากนัก (ใครมีที่น่าสนใจ ก็ลองแนะนำดูได้นะ :))



ปล.สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ

POSTED BY Unknown
POSTED IN
DISCUSSION 0 Comments

the Big Bang Theory - ทฤษฎีวุ่นหัวใจ




     Big Bang Theory เป็นซิทคอมสัญชาติอเมริกัน เริ่มออนแอร์ในปี 2007 ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 ซีซั่น

เล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่ประกอบไปด้วย



คู่รูมเมท เลนเนิร์ด และเชลดอน


เพนนี สาวบลอนด์ ห้องตรงข้าม



ฮาเวิร์ด หนุ่มยิวลูกแหง่ติดแม่


และ ราจ หนุ่มอินเดียผู้หลงไหลในความเป็นอเมริกันชน




     ในซิทคอมเรื่องนี้ล้วนมีมุขตลกที่เกี่ยวข้องอย่างลึกล้ำกับภาพยนตร์ การ์ตูน (แน่นอนว่าเป็นคอมิค ไม่ใช่มังงะ) และเกมส์ต่างๆ ตั้งแต่ยุคเก่าเก็บ จนถึงคอนโซลล้ำสมัยในปัจจุบัน และแน่นอนตามชื่อเรื่อง ย่อมมีทฤษฎีความรู้ ความเข้าใจ หลักวิทยาศาสตร์ ประวัตินักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ทั้งในอดีตและปัจจุบันต้องมามีบทให้ได้ทำความเข้าใจกันอีกมากมาย สรุปโดยรวมๆ ว่าส่วนใหญ่เป็นมุขแบบ geek นั่นแหละฮะ



     มันน่าแปลกใจที่ 80% ของมุขต่างๆ ผมเข้าใจและตลกมากซะด้วย (-.. -")

     แต่เชื่อได้ว่า หากทุกคนได้ดูล่ะก็ จะหลงรักเพื่อนกลุ่มนี้เข้าอย่างจัง ด้วยสารเคมีของตัวละครต่างๆ ที่ผสมกันอย่างลงตัว

POSTED BY Unknown
POSTED IN
DISCUSSION 0 Comments

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

ขับเคลื่อนโดย Blogger.